Virology 2014 lecture #15 - Viral virulence PDF Print E-mail
User Rating: / 1
PoorBest 
Written by punjalak   
Thursday, 03 April 2014 12:04

ที่มา : http://www.youtube.com/user/profvrr อัพโหลดโดย Vincent Racaniello

 

การแบ่งชนิดของไวรัสสามารถทำได้หลายวิธี
1.แบ่งตามชนิดของสารพันธุกรรมนิวคลีอิคแอซิด (Nucleic acid) ที่ศูนย์กลางของตัวไว รัสเป็นดีเอ็นเอ (DNA) และอาร์เอ็นเอ (RNA)
2. แบ่งตามรูปร่างของเปลือกโปรตีน (Capsid) ที่หุ้มอยู่รอบตัวไวรัส เช่น อาจมีรูปร่างหลายเหลี่ยม หรือเป็นเกลียว เป็นต้น
3. แบ่งตามชนิดของเปลือกไขมันรอบตัวไวรัส (Lipid envelope)
4. แบ่งตามลักษณะการแบ่งตัวของไวรัส
5. แบ่งตามอวัยวะที่ไวรัสเข้าไปอยู่และทำให้เกิดโรค เช่น ◦ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis virus) จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเซลล์ตับ
◦ ไวรัสสมองอักเสบ (Encephalitis virus) จะเข้าไปอาศัยอยู่ในเซลล์สมอง เป็นต้น

6.แบ่งตามพยาธิสภาพ (Pathology) ที่เกิดในร่างกายมนุษย์ เช่น◦การทำลายเซลล์โดยตัวไวรัสเองโดยตรง (Direct cytopathic effect)
◦ การทำลายเซลล์ที่มีไวรัสโดยระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายเอง
◦ การทำให้เซลล์ที่ไวรัสเข้าไปอยู่กลายเป็นเซลล์มะเร็ง (Oncogenic virus)

ไวรัสทำให้เกิดโรคกับร่างกายได้ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.ไวรัสเกาะติดกับผนังเนื้อเยื่อหุ้มรอบเซลล์ (Cell membrane) โดยมากที่ผนังเนื้อเยื่อหุ้มรอบเซลล์จะมีตัวรับ (Receptor) ที่เหมาะกับโครงสร้างของไวรัสอยู่ด้วยจึงจะทำให้ไวรัสมาเกาะติดได้ง่าย
2. ไวรัสรุกรานเข้าภายในเซลล์และเริ่มแบ่งตัวเพิ่มปริมาณไวรัส
3. ไวรัสสร้างโปรตีนที่เหมาะกับสภาพความเป็นอยู่ของไวรัสภายในเซลล์ ทำให้ไวรัสที่เพิ่มขึ้นมานั้นสามารถอยู่อาศัยภายในเซลล์ได้
4. ไวรัสจะเข้าไปที่นิวเคลียสของเซลล์มนุษย์และบังคับให้ลดการสร้างโปรตีนปกติของเซลล์นั้นๆ แต่จะสร้างเฉพาะโปรตีนที่เป็นประโยชน์กับไวรัสเท่านั้น ทำให้การทำงานของเซลล์เพื่อประโยชน์ของร่างกายมนุษย์ลดลง เปรียบเสมือนการยึดครองศูนย์กลางการทำงานของเซลล์ให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของไวรัสนั่นเอง
5. ผลที่ตามมาคือ ไวรัสจะใช้เซลล์มนุษย์เป็นโรงงานผลิตไวรัสออกมาจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันเซลล์นั้นก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติจึงเกิดอาการของโรคตามมา ต่อมาเมื่อถึงระยะหนึ่ง เซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสนั้นก็จะตายหรือถูกทำลายไป ไวรัสที่อยู่ในเซลล์นั้นก็จะเคลื่อนย้ายเข้าไปยึดครองเซลล์อื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงต่อไป ถ้าเซลล์ของอวัยวะนั้นๆถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดอาการของโรคขึ้นมาอย่างชัดเจน เช่น ◦ไวรัสตับอักเสบ ทำให้เกิดภาวะตับวาย (Liver failure)
◦ ไวรัสสมองอักเสบทำให้เกิดอาการหมดสติ ไม่รู้ตัว ชัก โคม่า (Coma)
◦ ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) ทำลายเซลล์ประสาททำให้เกิดอาการเกร็งของกล้าม เนื้อ หมดสติ และเสียชีวิต

6.การติดเชื้อไวรัสหลายชนิดโดยเฉพาะโรคหวัด (Common cold) โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza) โรคหัด (Measle) โรคอีสุกอีใส (Chicken pox) ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต้านทาน (Antibody) ต่อเชื้อไวรัสได้ทันท่วงที โดยมากจะไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อไวรัสเข้าไปในร่างกาย ภูมิคุ้มกันต้านทานนี้สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ และทำให้หายจากโรคได้โดยไม่เกิดความเสียหายต่ออวัยวะนั้นๆ

โดยทั่วไป โรคติดเชื้อไวรัสมักรักษาได้หาย แต่ความรุนแรงของการติดเชื้อไวรัสจะเช่น เดียวกับในการติดเชื้อต่างๆ เช่น แบคทีเรีย หรือ โรคเชื้อรา กล่าวคือ จะขึ้นกับ ชนิด/สายพันธุ์ของไวรัส ปริมาณไวรัสที่ร่างกายได้รับ สุขภาพเดิมของผู้ป่วย และในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้าน ทานโรคต่ำ โรคมักรุนแรงกว่า เช่น
•เด็กเล็ก
•ผู้สูงอายุ
• หญิงตั้งครรภ์
• ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (เช่น โรคเบาหวาน คนที่ขาดอาหาร)
• ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค (เช่น ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ)
• ผู้ป่วยที่ใช้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ (เช่น ในโรคหืด โรคภูมิแพ้)
• และในผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี (HIV)

Last Updated on Wednesday, 30 April 2014 09:39
 

Add comment


Security code
Refresh